สอนให้คิดด้วยตรรกะและปัญญา

                                     ---------------------------------------------------------------------
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ

ชื่อผู้แต่ง อิม บยุงกับ. ชื่อ สอนให้คิด ด้วย ตรรกะ และ ปัญญา. สถานที่พิมพ์ กรุงเทพ. สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์พับพลิเคชั่นส์. ๒๕๕๗. ๑๐๘ หน้า

                                    ---------------------------------------------------------------------

       หลังพักกลางวันก็ถึงเวลาเรียนคาบ ๕ วิชาวิทยาศาสตร์   บอมบ์รู้สึกง่วจนไม่มีสมาธิฟังครู จู่ๆก็มีเสียงร้อง ''กรี๊ด''ดังจนแสบแก้วหู ทุกคนต่างตกใจและหันไปหาต้นเสียง เสียงร้องของจิ่นนี่นั่นเอง
''จิ่นนี่เป็นอะไร''
 ครูถามจินนี่ด้วยความตกใจ
''คือว่า..มดค่ะ''
สาเหตเพราะมดตัวเดียว จินนี่เห็นมดไต่หัวเข่าถึงกับร้องกรี๊ดทันที
อย่างไรก็ตามเสียงของจินนี่ก็ช่วยให้บอมบ์ตาสว่างขึ้น หลังจากหมดชั่วโมงเรียน บอมบ์ก็ถามจินนี่ด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า
''จินนี่ ทำไมเธอต้องร้องโวยวายขนาดนั้นด้วย มดตัวเล็กนิดเดี่ยวเอง''
''โธ่ บอมบ์ ก็ฉันเกลียดพวกหนอนนี่นา ยี้ น่าขยะแขยง''
''มดเป็นแมลงนะ น่าขยะแขยงตรงไหน อย่าเหมารวมสิ''
''ทำไมล่ะ มันก็พวกเดียวกันนั้นแหละก็ฉันขยะเเขยงจริงๆนี่ เธอไม่เคยรู้สึกขยะแขยงอะไรบ้างเลยหรือบอมบ์''
''ฉันเหรอ เอ่อ...มีสิ มีอย่างหนึ่ง  พวกสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมดน่าขยะแขยง''
แจ๊กก็ได้ไปพูดกับบอมบ์ว่า
''นี่บอม เมื่อกี้นายพูดว่านายเกลียดสัตว์เลื้อคลานทั้งหมดเลยหรอ''
''ใช่ ทำไมเหรอ''
''นายว่าเต่าน่าขยะแขยงหรือเปล่าล่ะ''
''เต่าเนี่ยนะไม่เห็นน่าขยะแขยงเลย''
''นายคงไม่รู้เหรอว่าเต่าเป็นสัตว์เลื้อยคลาน''
''เต่าเนี่ยนะ  นายมีอะไรยืนยันหรือเปล่า''
''มีสิ ก็ในหนังสือสิ ฉันเคยอ่านเจอพนันกันไหมล่ะ''
เมื่อเห็นแจ๊กกล้าท้าพนันแบบนี้ ความมั่นใจของบอมบ์ก็เริ่มหดหาย
แจ๊กก้อพยามให้บอมบ์ถอนคำพูดว่าสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมดน่าขยะแขง
''บอมบ์ก็พูดว่าเมื่อไหร่ฉันไม่เคยพูดนี่''
''แจ๊กก็ถามจินนี่ว่าเธอได้ยินไหม จินนี่ก็พยักหน้า ในที่สุกบอมบ์ก็ต้องยอมทำตาม
''งั้นก็ได้ สัตว์เลื้อยคลานส่นใหญ่น่าขยะแขยง ไม่ใช่สัตว์เลื้อยคลานทั้งหมดน่าขยะแขง พอใจหรือยัง''
เมื่อกลับถึงบ้าน บอมบ์ก็เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาแล้วพบว่าเป็นจริงอย่างที่แจ๊กพูดจริงๆ
  แม่เดินจูงบีม ลูกพี่ลูกน้องของบอมบ์เข้ามา บีมถือหนังสือมาเล่มหนึ่งแม่พูดกับบีมว่า
''บีม ขอให้พี่บอมบ์อ่านหนังสือให้ฟังสิจ๊ะเดี่ยวแม่จะไปทำอาหารมาให้''
บอมบ์ก็อ่านหนังสือให้บีมอย่างไม่ค่อยเต็มใจเป็นหนังสือนิทานอีสป แล้มบอมบ์กก็เริ่มอ่าน
      กาลครั้งหนึ่งมีลูกแกะตัวหนึ่งกำลังกินนํ้าในลำธารแล้วมีหมาป่าตัวหนึ่งก้อได้พูดว่า
''ฉันกินนํ้าอยู่ดีๆ นายกล้าดียังถึงทำให้นํ้าขุ่นต้องเป็นฝีมือนายแน่ๆ แกล้งกันแบบนี้ จับกินเสียดีไหม
ลูกแกะก็ได้พูดอย่างสงสัย
''นายบอกว่ากินนํ้าอยู่ที่ต้นนํ้าใช่ไหม''
''ก็ใช่น่ะสิ''
''ปกติแล้วนํ้าไหลจากต้นนํ้ามาปลายนํ้าใช่ไหม''
''แน่นอนอยู่แล้ว''
''ฉันกินนํ้าอยู้ปลายนํ้าจะทำให้นํ้าที่ต้นนํ้าขุ่นได้อย่างไร''
  คำพูดของลูกแกะทำให้หมาป่าพูดอะไรไม่ออก
''นายนี่เอง เมื่อปีที่แล้วนายนินทาว่าร้ายฉัน''
''เป็นไปไม่ได้ ปีที่แล้วฉันยังไม่เกิดเลย''
''ยังจะเถียงอีก งั้นก็คงเป็นพ่อนายแน่ๆ''
หมาป่ารู้สึกเสียขี้หน้าและอายมากจึงวิ่งหนีไป
     เมื่อบอมบ์เล่าเสร็จบีมก็ได้นอนหลับอย่างมีความสุข

                         สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในประจำวันสอดคล้อง 9 คำที่พ่อสอนไว้ดังนี้

1.ความเพียร ดังข้อความที่ว่า
ลูกแกะรู้ ว่ามันอาจจะต้องใช้เวลา
ลูกแกะรู้ ว่ามันอาจมีปัญหา
  แต่ถ้าลูกแกะ มีความอดทน
  สักวัน ปัญหาเหล่านั้นก็จะบรรเทาลง
2. ความพอดี คือ แจ๊กเป็นคนที่ผู้อื่นยกย่อง ผู้อื่นรัก แต่เขาก็ไม่เคยที่โอ้อวดผู้อื่น
3.ความรู้ตน คือ แจ๊กมีความรู้อยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงเอาแบบอย่างแจ๊ก
4.คนเราจะต้องรับและต้องให้ แจ๊กบอกความจริงที่ถูกต้องกับบอมบ์
5.อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ คือ อย่างเช่นในนิทาน แกะตัวนั้นพยายามที่จะพูดแต่กว่าความจริงกับหมาป่าแต่หมาป่าก็หาข้ออ้างใหม่ๆ
6.พูดจริงทำจริง คือ หมาป่าตัวนั้นคิดเอาไว้ว่าจะกินแกะตัวนั้นให้ได้ แต่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ หมาป่ายึดถือคำพูดได้ดี ข้อเสีย คือ ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
7.หนังสือเป็นออมสิน คือ แจ๊กเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ ชอบหาความรู้ไหมๆ ทำให้เขาเป็นคนเก่ง
8.ความซื่อสัตย์ คือ อย่างในนิทานลูกแกะเป็นคนดี มี่ความซื่อสัตย์ต่อพ่อช่วยเหลือปกป้องพ่อ
9.การเอาชนะใจตัวเอง คือ ลูกแกะมีความอดทนคือตอนที่หมาป่าพูดลูกแกะไม่คิดที่จะเถียงหรือด่าหมาป่า แต่ลูกแกะเลือกที่จะอดทน เพราะฉนั้นเลยทำให้ลูกแกะชนะหมาป่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น